คำตอบคือเครื่องกำเนิดความร้อนที่นำเอาอุปกรณ์ต่างๆเช่น มาประกอบรวมกันให้เป็นเครื่องพ่นไฟชนิดใช้งานง่ายเพื่อรองรับกับอุตสาหกรรมต่างๆเช่น บอยเลอร์ ,ฮอทออยล์,เตาเผาศพปลอดมลพิษ,เตาเผาขยะติดเชื้อ,ห้องอบสีอุตสาหกรรม,เตาหลอมโลหะต่างๆ,ห้องอบชนิดต่างๆ และอุตสาหกรรมอื่นๆอีกมากมาย **ในทุกรุ่นมาพร้อมระบบ ONE STAGE , TWO STAGE ,MODULATING
หัวพ่นไฟมีความจำเป็นในงานที่เกี่ยวกับการเผาไหม้เป็นอย่างมาก เช่นในงานเกี่ยวกับบอลเลอร์ เตาหลอม หรือแม้กระทั่งเตาเผาศพตามวัดก็จะมีเครื่องนี้อยู่
ด้วยเช่นกัน ในวันนี้เราจะพามารู้จักกับประเภทของหัวพ่นไฟ เพื่อเป็นประโยชน์ในการเลือกใช้งานให้ตรงใจตรงงานกัน
หัวพ่นไฟนี้จะสามารแบ่งใหญ่ได้ 2 ประเภทคือ หัวพ่นไฟใช้แก๊ซ และ หัวพ่นไฟใช้น้ำมัน
นอกเหนือจากข้อกําหนดด้านความปลอดภัย หัวพ่นแก๊ซ ยังง่ายต่อการออกแบบอีกด้วยซึ่งหม้อไอน้ำที่มีขนาดเล็กจะใช้ หัวพ่นแก๊ซ ที่มีความดันอากาศแบบไม่ต้องเยอะซึงอากาศและแก๊ซโดยรอบจะถูกดูดเข้าเตาเผาเอง แต่หากปริมาณอากาศและแก๊ซไม่สมดุลย์กันอาจทำให้เกิดการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ได้ และเมื่อกา
กาศส่วนเกินดังกล่าวร้อนขึ้น ก็จะพาความร้อนผ่านออกไปทางปล่อง ซึ่งเป้นสาเหตุที่ทำให้ ประสิทธิภาพของหม้อไอน้ำลดลง
การเผาไหม้ของหม้อไอน้ำขนาดใหญ่ ห้องเผาไหม้จำเป็นต้องหัวเผาที่เหมาะสม และควบคุมอากาศและแก๊ซที่ผสมกันได้ เพื่อที่สามารถควบคุมความยาวและรูป
ร่างของเปลวไฟ และยังสามารถควบคุมปริมาณของอากาศที่เผาไหม้ ทำให้การเผาไหม้มีประสิทธิภาพสุงสุด
การใช้งาน หัวพ่นไฟแบบน้ำมัน ค่อนข้างจะยุ่งยากและซับซ้อนเพราะว่าเชื้อเพลิงต้องอยู่ในสภาวะที่เหมาะสม สำหรับการเผาไหม้ที่สะอาดและรวดเร็ว และ
ด้วยข้อกำหนดเช่นนี้ จำเป็นต้องเปลี่ยนรูปน้ำมันให้เป็น ฝอยหรือละอองละเอียด เพื่อให้น้ำมันกลายเป้นฝอยเล็กๆ มีขนาดตามที่ต้องการ สามารถทำได้ภ้าน้ำ
มะันอยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม และมีความหนืดที่ถูกต้อง ถ้าอุณหภูมิต่ำเกินไปหยดน้ำมันก็จะใหญ่ การเผาไหม้กก็จะไม่ดี และก่อให้เกิดเขม่าและควัน แต่ถ้า
อุณหภูมิสูงเกินไป หยดน้ำมันก้จะเล็กเกินไป ทำให้ผ่านเปลวไฟเร้วเกินกว่าที่จะเผาไหม้ได้ ไม่ว่าจะเกิดในกรณีใดก้ตาม เชื้อเพลิงก้ถูกนำไปใช้อย่างเต็มที่ และ
ยิ่งไปกว่านั้น พื้นผิวถ่ายเทความร้อนก็จะเสื่อมสภาพลง หัวพ่นน้ำมันแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท คือ
1. เครื่องพ่นไฟแบบพ่นด้วยความดัน ( Pressure Jet )
ซึ่งแบบที่ใช้ง่ายที่สุดและมีการใช้อย่างกว้างขวางที่สุดก็คือ แบบพ่นด้วยความดัน คือน้ำมันจะถูกสูบขึ้นมา ที่ความดันผ่านหัวฉีด จะมีข้อดีข้อเสียดังนี้
ข้อดี
- โครงสร้างเรียบง่ายและมีราคาถูก
- มีหลายขนาดให้เลือกตามความเหมาะสม
- สามารถปรับรูปร่างของเปลวไฟได้มีตั้งแต่ผอมยาวไปจนถึงสั้นกว้างซึ่งทำให้เหมาะสมกับหม้อไอน้ำทุกประเภท
ข้อเสีย
- น้ำมันที่สกปรกจะทำให้อุดตันทำให้ต้องมีการกรองอย่างละเอียด
- มีข้อจำกัดอัตราส่วน Turn Down เพียง 2 : 1
- เกิดความเสียหายได้ง่ายระหว่างทำความสะอาด
- ต้องการอุณหภูมิในการพ่นน้ำมันสูงที่สุดเพื่อเปลี่ยนรูปน้ำมันให้เป็นฝอยละเอียด
2. หัวพ่นไฟแบบเป่าด้วยอากาศหรือไอน้ำ ( The Air or Stream Blast Type )
จะใช้ความดันอากาศหรือไอน้ำเพื่อพ่นน้ำมันให้กลายเป็นฝอยน้ำมัน จะมีข้อดีข้อเสียดังนี้
ข้อดี
- มีโครงสร้างที่ทนทานแข็งแรง
- มีอัตราส่วน Turn Down ที่ดี 4 :1
- มีการควบคุมอากาศและเชื้อเพลิงที่ใช้ในการเผาไหม้ได้ตลอดเวลา
- สามารถเผาไหม้กับน้ำมันเตาได้เป็นอย่างดี
ข้อเสีย
พลังงานที่ใช้เพื่อเปลี่ยนรูปน้ำมันให้เป็นฝอยละเอียด ต้องเป็นอากาศที่อัดหรือไอน้ำ
3. หัวเผาแบบโรตารี่คัพ ( Rotary Cup )
จะใช้การบังคับด้วยแรงเหวี่ยงเพื่อทำให้น้ำมันกลายเป็นฝอย แต่ละประเภทก้จะมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป จะมีข้อดีข้อเสียดังนี้
ข้อดี
- มีอัตราส่วน Turn Down ที่ดี 4 :1
- สามารถเปลี่ยนรูปน้ำมันให้เป็นฝอยละเอียดสำหรับน้ำมันเตาได้เป้นอย่างดี
- ใช้อุณหภมิต่ำในการอุ่นน้ำมันเพื่อเปลี่ยนรูปน้ำมันให้อยู่ในสภาวะที่เป็นฝอยละเอียด
ข้อเสีย
- การบำรุงรักษาซับซ้อนยุ่งยากและมีราคาแพง
- ต้องใช้ไฟฟ้าเพื่อหมุนถ้วยหัวเผาน้ำมันและแก๊ซ